บทที่ 5
การนำแนวคิดการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางไปใช้
การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางจะประสบผลสำเร็จได้นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญหลายประการ นอกจากครูผู้สอนซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติโดยตรงในชั้นเรียนจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำแนวคิดไปสู่ความสำเร็จแล้วยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกหลายปัจจัยที่เป็นส่วนสนับสนุนผลักดันให้การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางในชั้นเรียน และในโรงเรียนดำเนินไปอย่างราบรื่นมีประสิทธิผลไม่ว่าจะเป็นระบบการบริหารจัดการในโรงเรียน การจัดสิ่งสนับสนุนด้านต่างๆ การนิเทศภายใน กำกับ ติดตาม หรือการจัดบรรยากาศสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการนำแนวคิดนี้ไปใช้ ปัจจัยต่างๆที่กล่าวมานี้สามารถนำมาประมวลเป็นบทบาทของโรงเรียนในการนำแนวคิดการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางไปดำเนินการให้บังเกิดผลพร้อมทั้งปัญหาและอุปสรรคที่มักจะเกิดขึ้นเมื่อนำแนวคิดนี้ไปใช้ปฏิบัติจริง เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินการและเป็นข้อพึงระวังสำหรับโรงเรียนและครูผู้สอนในการปฏิบัติต่อไป
1. บทบาทของโรงเรียนในการดำเนินการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
คำว่า โรงเรียน ในที่นี้ หมายถึง บุคลากรทุกฝ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริหารโรงเรียน คือปัจจัยสำคัญที่จะนำแนวคิด การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางไปสู่ความสำเร็จได้อย่างเป็นระบบ ชัดเจนและจริงจังเพราะเพียงลำพังครูผู้สอนถึงจะมีความรู้ ความสามารถและทักษะในการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางมากเพียงใด ก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ หากขาดระบบการสนับสนุนที่ดีและเพียงพอ บทบาทของโรงเรียนในการดำเนินการ ประกอบด้วย
1.1 การจัดทำแผนงานโครงการเพื่อสนับสนุนการจัดการเรียนการสอน
1.1.1 การกำหนดนโยบายของโรงเรียน โดยกำหนดให้การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เป็นนโยบายและเป้าหมายสำคัญที่โรงเรียนจะต้องดำเนินการให้ประสบความสำเร็จ บุคลากรทุกคนจะต้องรับทราบ ยึดถือเป็นแนวปฏิบัติและสนับสนุนการปฏิบัติให้บังเกิดผลอย่างจริงจัง
1.1.2 การกำหนดความต้องการจำเป็นด้านต่างๆ การเตรียมการให้เกิดความพร้อมในการจัดการเรียนการสอน ควรจะได้มีการวิเคราะห์สภาพปัจจุบันของโรงเรียนทุกด้านไม่ว่าจะเป็นสภาพการจัดการเรียนการสอน ความรู้ความสามารถของครู รวมถึงสิ่งสนับสนุนการเรียนการสอนทุกด้าน เพื่อกำหนดความต้องการจำเป็น(need) ในการพัฒนาว่าโรงเรียนต้องการดำเนินการเตรียมการด้านใดบ้าง เพื่อที่จะจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น หากวิเคราะห์สภาพปัจจุบันแล้วพบว่า ครูยังขาดเทคนิค ทักษะ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ขาดสื่อการเรียนการสอน ก็จะนำไปสู่การกำหนดแนวทางการดำเนินการแก้ปัญหาหรือการพัฒนาที่เหมาะสมและเป็นไปได้มากที่สุด
1.1.3 การจัดทำแผนงานโครงการ เมื่อระบุความต้องการจำเป็นในการพัฒนาและทางเลือกในการดำเนินการที่เหมาะสมแล้ว จะเป็นการจัดทำแผนงานโครงการที่จะกระทำเพื่อสนับสนุนการดำเนินการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางให้ประสบความสำเร็จ โครงการอาจประกอบไปด้วยกิจกรรต่างๆเพื่อเตรียมความพร้อม เช่น การพัฒนาบุคลากร การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ การผลิตสื่อนวัตกรรมหรือเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงาน เช่น การนิเทศ ติดตามผล เป็นต้น
1.2 การพัฒนาบุคลากร คน คือ หัวใจของการพัฒนา การพัฒนาบุคลากรจึงเป็นยุทธศาสตร์สำคัญเบื้องต้นของการพัฒนาทุกด้าน เพื่อให้แผนงานโครงการบรรลุจุดมุ่งหมาย ขั้นตอนของการพัฒนาบุคลากรอาจประกอบด้วย
1.2.1 การปรับกระบวนทัศน์เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เนื่องจากแนวคิดนี้เป็นสิ่งที่หลายคนเห็นว่ายากที่จะนำไปสู่การปฏิบัติจริง บางคนมองว่าเป็นสิ่งยุ่งยาก ต้องใช้สื่อและเวลาในการจัดกิจกรรม ก่อให้เกิดการปฏิเสธ ไม่ยอมรับ ไม่ยอมเรียนรู้และไม่นำไปใช้ การสร้างความตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการเรียนการสอนจากแนวทางแบบเดิมที่มุ่งเน้นการบอกเล่าเนื้อหา เน้นบทบาทครู มาสู่วิธีการใหม่ ซึ่งยอมรับกันว่าสามารถสร้างคุณลักษณะที่พึงประสงค์แก่ผู้เรียนได้ จึงเป็นความจำเป็นที่โรงเรียนจะต้องดำเนินการให้สำเร็จ เพื่อให้ครูเห็นความสำคัญของแนวคิดนี้ เกิดการยอมรับและเต็มใจที่จะปฏิบัติให้เกิดผลอย่างจริงจัง
บุคลากรที่ต้องได้รับการปรับกระบวนทัศน์ตามขั้นตอนนี้ประกอบด้วย ผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้สอนและบุคลากรทุกฝ่ายเพื่อให้ตระหนักถึงความสำคัญจำเป็นดังกล่าว เพื่อให้มีการปฏิบัติและสนับสนุนอย่างจริงจัง เทคนิควิธีการปรับกระบวนทัศน์อาจใช้การระดมพลังสมอง การประชุมชี้แจง การศึกษาดูงาน การประชุมปฏิบัติการ ฯลฯ
1.2.2 การพัฒนาความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับเทคนิควิธีการ เมื่อครูผู้สอนเกิดความตระหนักและยอมรับแนวคิดการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางแล้วควรจัดให้มีการพัฒนาความรู้ ความเข้าใจแก่ครูผู้สอนในเรื่องที่ได้กำหนดเป็นความต้องการจำเป็นไว้ไม่ว่าจะเป็น เทคนิค ทักษะ และวิธีการจัดการเรียนการสอน การออกแบบกิจกรรมและวิธีการสอน การผลิตสื่อนวัตกรรมการเรียนการสอน การวัดและประเมินผลที่สอดคล้องกับแนวคิดนักเรียนเป็นศูนย์กลาง การจัดให้ความรู้ ความเข้าใจในหัวข้อต่างๆ ควรกระทำอย่างจริงจัง ใช้การฝึกปฏิบัติด้วยวิธีการหลากหลาย ให้ครูได้ปฏิบัติจริงเพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญ ความมั่นใจ ฝึกให้ครูได้ทำงานเป็นคณะ ร่วมกันออกแบบวิธีการสอน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ฝึกการวิพากษ์วิจารณ์ผลงานของตนและเพื่อน เพื่อเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กว้าง รู้จักการยอมรับฟังผู้อื่น และสามารถนำเทคนิค วิธีการและความรู้ต่างๆ ไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนด้วยวิธีที่หลากหลายได้
1.3 การเตรียมสิ่งสนับสนุน เป็นการเตรียมความพร้อมด้านการอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ของผู้เรียน เพื่อส่งเสริมการค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองของผู้เรียนในลักษณะต่างๆ และเพื่อให้ครูสามารถออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนที่ใช้วิธีการสอนหลากหลาย น่าสนใจ สิ่งสนับสนุน ในที่นี้ประกอบด้วย
1.3.1 การเตรียมแหล่งค้นคว้าสำหรับผู้เรียน ประกอบด้วย ห้องสมุด ศูนย์หนังสือ ศูนย์วิทยุบริการ ห้องโสตทัศนศึกษา ห้องสมุดหมวดวิชา ฯลฯ ซึ่งควรเป็นสถานที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นแหล่งค้นคว้าที่เป็นระบบ สะดวก ง่ายต่อการค้นคว้า การเลือกใช้ทั้งในส่วนที่เป็นเอกสารและไม่ใช่เอกสาร เป็นสถานที่สะอาด สงบ มีสื่อหลากหลาย น่าเข้าไปใช้บริการ
1.3.2 การเตรียมสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางจะเน้นให้ผู้เรียนได้คิด ทำ และแสดงออก ครูจึงมีบทบาทเป็นผู้กระตุ้นให้ผู้เรียนได้คิดและปฏิบัติด้วยตนเอง ซึ่งต้องอาศัยสื่อและวัสดุอุปกรณ์ที่หลากหลาย น่าสนใจ โรงเรียนจึงควรสนับสนุนสิ่งเหล่านี้ให้พร้อมให้ครูสามารถเลือกใช้ เตรียมหรือจัดทำเพื่อเติมได้สะดวกและให้ผู้เรียนได้ใช้คิดค้นปฏิบัติด้วยตนเอง
1.4 การบริหารและบริการหลักสูตรเพื่อสนับสนุนการเรียนการสอน การบริหารและบริการหลักสูตรให้เอื้อและสอดคล้องกับการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนให้ผู้เรียนได้ศึกษาหาความรู้ และฝึกปฏิบัติทักษะต่างๆ ด้วยตนเอง โรงเรียนสามารถดำเนินการบริหารและบริการหลักสูตรในลักษณะต่อไปนี้
1.4.1 การจัดให้มีรายวิชาเลือกตามโครงสร้างหลักสูตรที่หลากหลาย เพื่อสนองความถนัด ความสามารถ และความสนใจที่แตกต่างกันไปของผู้เรียน ให้ผู้เรียนได้มีโอกาสเลือกสิ่งที่จะเรียนด้วยตนเอง โดยเน้นรายวิชาที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติ ฝึกทักษะต่างๆ ที่สำคัญจำเป็นครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นทักษะการแสวงหาความรู้ ทักษะการดำรงชีวิต ทักษะการแก้ปัญหา หรือทักษะการสื่อสาร
1.4.2 การจัดกิจกรรมให้เอื้อต่อการพัฒนาคุณลักษณะผู้เรียน การจัดกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมตามระเบียบฯ กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมแก้ปัญหา กิจกรรมเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และกิจกรรมอิสระของผู้เรียน รวมถึงกิจกรรมนอกเวลาเรียน เช่น กิจกรรมตามวาระสำคัญ วันสำคัญ กีฬาสี กิจกรรมหลังเคารพธงชาติ หรือการแสดงความสามารถต่างๆ ควรให้ผู้เรียนได้มีบทบาทในการดำเนินการ ตั้งแต่วางแผนเลือกวิธีดำเนินกิจกรรม ดำเนินการและประเมินผล โดยเน้นให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติจริง มีบทบาทสำคัญในการแสดงออกอันจะเป็นการสนับสนุนให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการดำเนินกิจกรรม ซึ่งจะช่วยสนับสนุน ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดคุณลักษณะที่พึงประสงค์ได้เป็นอย่างดี
1.4.3 การจัดบรรยากาศการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนรักการศึกษาค้นคว้า ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน โรงเรียนควรมุ่งเน้นการจัดบรรยากาศภายในโรงเรียนให้มีความเป็นวิชาการบวกกับความเป็นระเบียบ สวยงามท้าทายให้ผู้เรียนค้นหา แสวงหาความรู้ เช่น จัดอุทยานการศึกษา จัดสวนในวรรณคดี จัดป้ายความรู้ตามบริเวณต่างๆ จัดสวนหนังสือ ป้ายนิเทศ เครื่องมือวิทยาศาสตร์พร้อมข้อความรู้ง่ายๆ เช่น นาฬิกาทราย กังหันลม ซึ่งจะให้ทั้งความสวยงามและความรู้ในเวลาเดียวกัน รวมทั้งจัดการแสดงความสามารถของผู้เรียนในโอกาสต่างๆ เพื่อให้ผู้เรียนมีโอกาสแสดงออกในทักษะด้านๆ
1.4.4 การจัดบริการแนะแนวอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนเกิดประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับผู้เรียน โรงเรียนควรดำเนินการให้มีการแนะแนวที่มีประสิทธิผล เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ใช้บริการอย่างทั่วถึง ทันต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสังคมและสามารถช่วยแก้ปัญหาของผู้เรียนได้อย่างทันเหตุการณ์ โดยจัดให้ครูที่มีประสบการณ์ด้านการแนะแนวประจำที่ห้องแนะแนวอย่างเพียงพอ จัดห้องแนะแนวให้มีบรรยากาศเสมือนบ้าน มีศูนย์สารสนเทศการศึกษา อาชีพ และการปรับตัวที่มีข้อมูลทันสมัย ทันเหตุการณ์ จัดฝึกให้ครูทุกคนมีความรู้เกี่ยวกับการแนะแนว จิตวิทยาการเรียนการสอนและการให้คำปรึกษา สามารถให้ความช่วยเหลือผู้เรียนที่มีปัญหาต่างๆ มีกาติดตามผลผู้เรียนอย่างสม่ำเสมอ ใช้การสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมในบทเรียนทุกวิชา และเน้นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล และพัฒนาการของผู้เรียน
1.5 การประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจ การประชาสัมพันธ์เป็นขั้นตอนสำคัญขั้นตอนหนึ่งที่จะช่วยให้บุคลากรทุกฝ่ายของโรงเรียนรวมทั้งผู้เรียนและผู้ปกครองได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ว่าเป็นแนวทางที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนให้ฝึกคิด ทำ แสดงออก และแก้ปัญหาการเรียนการสอนจะเน้นกระบวนการควบคุมไปกับเนื้อหาของความรู้ ซึ่งจะเป็นแนวทางที่ต่างจากการเรียนการสอนแบบเดิม โรงเรียนจะต้องชี้แจงประชาสัมพันธ์ให้ทุกฝ่ายเข้าใจ สนับสนุนและช่วยเหลือรวมทั้งร่วมมือในการดำเนินการเพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างจริงจัง นอกจากนี้ควรมีการประชาสัมพันธ์กับชุมชนเพื่อให้ชุมชนช่วยเหลือด้านวัสดุ อุปกรณ์ หรือเปิดโอกาสให้ใช้สถานที่สถานประกอบการเป็นแหล่งศึกษาดูงาน หรือทำกิจกรรมตามความเหมาะสมด้วย
1.6 การดำเนินการจัดการเรียนการสอน เมื่อเตรียมการด้านต่างๆ พร้อมแล้วครูผู้สอนก็จะดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามที่ได้วางแผนไว้ เพื่อให้แนวคิดเกิดประสิทธิผลในทางปฏิบัติ โรงเรียนควรดำเนินการดังนี้
1.6.1 จัดตั้งคณะกรรมการการพัฒนาการเรียนการสอนของโรงเรียน เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปในเผ้าหมาย ทิศทางเดียวกัน มีผู้รับผิดชอบ ดูแลอำนวยความสะดวกให้การจัดการเรียนการสอนเป็นไปอย่างราบรื่น มีประสิทธิผล โรงเรียนควรจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลรับผิดชอบ โดยกำหนดให้มีบทบาทหน้าที่ดังนี้
1.ดูแลให้คำปรึกษาแก่ครูผู้สอนในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยการพูดคุย รับฟังปัญหาอุปสรรค ให้คำแนะนำ และร่วมแก้ไข
2. อำนวยความสะดวกด้านต่างๆ แก่ครูผู้สอนไม่ว่าจะเป็นการจัดสิ่งสนับสนุนด้านต่างๆ การอำนวยความสะดวก เรื่องห้องเรียน วัสดุ อุปกรณ์ ตารางเวลา ฯลฯ
3. นิเทศ กำกับ ติดตาม เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนเป็นไปตามวัตถุประสงค์
4. ให้แรงเสริม ขวัญและกำลังใจแก่ครูผู้สอน ยกย่องเชิดชูผู้ที่ประสบความสำเร็จและให้กำลังใจคนอื่นๆ ให้เกิดความมานะ อดทนในการสอนซึ่งจะใช้เวลา และความพยายามอย่างมาก
5. ประเมินผลการดำเนินงาน
1.6.2 สนับสนุนให้ครูผู้สอนทำงานเป็นกลุ่มหรือเป็นคณะ เพื่อให้ครูผู้สอนรู้สึกว่าตนเองไม่ได้โดดเดี่ยวหรือทำงานตามลำพัง แต่มีเพื่อนค่อยปรึกษาหารือ และช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยมีขั้นตอนการทำงานกลุ่มดังนี้
1. การวางแผนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนร่วมกัน เพื่อระดมความคิดในงานที่มีเป้าหมายร่วมกัน นำแผนมาอภิปราย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น พิจารณาความเป็นไปได้ ปัญหาอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้น วิเคราะห์ความน่าสนใจและการเน้นให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติ และร่วมกันปรับปรุงแก้ไขแผนให้สมบรูณ์ยิ่งขึ้น
2. การดำเนินการจัดกิจกรรมพร้อมๆกัน เพื่อให้ครูรู้สึกว่ามีเพื่อนรวมคิดร่วมทำจริง มีที่ปรึกษาคอยช่วยแก้ไข ปรับปรุงเมื่อพบปัญหาอุปสรรค
3.การนำผลการจัดกิจกรรมแต่ละครั้งอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น วิเคราะห์ความสำเร็จ ปัญหา อุปสรรคที่เกิดขึ้น
4. การสรุปเป็นแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ควรดำเนินการ หลังจากวิเคราะห์หาข้อสรุปของการจัดกิจกรรมแต่ละครั้งแล้ว ควรได้มีการร่วมกันคิด และเขียนแนวทางการจัดกิจกรรมที่ควรดำเนินการในครั้งต่อไป
1.7 การจัดระบบนิเทศภายใน กำกับ ติดตาม เป็นขั้นตอนซึ่งเป็นบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการพัฒนาการเรียนการสอนตามหัวข้อ 1.6.1 ซึ่งจะต้องดำเนินการหลังจากได้วางแผนนิเทศ กำกับ ติดตามการดำเนินการจัดการเรียนการสอนของครูผู้สอน ตามช่วงเวลาที่กำหนด เพื่อตรวจสอบว่าการดำเนินงานเป็นไปตามขั้นตอนที่วางไว้หรือไม่ เพียงใด ประสบความสำเร็จ หรือมีปัญหาอุปสรรคใดเกิดขึ้นและได้มีการแก้ไขปรับปรุงในขั้นต่อมาหรือไม่ อย่างไร รวมทั้งเข้าไปให้คำปรึกษา ให้ข้อเสนอแนะ แนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจน เหมาะสมยิ่งขึ้น
1.8 การประเมินผลการปฏิบัติงาน เป็นบทบาทของคณะกรรมการการพัฒนาการเรียนการสอนที่จะประเมินผลการจัดการเรียนการสอนของครูผู้สอน ซึ่งสามารถพิจารณาจากผลการดำเนินการที่กำหนดเป้าหมายทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลที่เกิดขึ้นกับตัวผู้เรียนในด้านต่างๆ
1.9 การนำผลการประเมินเป็นข้อมูลป้อนกลับเพื่อปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงาน เป็นการนำผลการประเมินมาวิเคราะห์ เพื่อหาข้อบกพร่องหรือจุดอ่อนในการดำเนินการทั้งในส่วนของการเตรียมการด้านต่างๆ และการดำเนินการจัดการเรียนการสอนเพื่อจะได้ปรับปรุงแก้ไขให้ตรงประเด็น ให้การดำเนินการครั้งต่อไปประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น
2. ปัญหาและอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นจากการนำแนวคิดการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางไปใช้และแนวทางแก้ไข
การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางไม่ใช่สิ่งที่จะกระทำได้สำเร็จได้โดยง่ายหรือในช่วงระยะเวลาอันสั้น การนำแนวคิดนี้ไปปฏิบัติในระดับห้องเรียน แม้โรงเรียนจะได้เข้ามามีบทบาทในการเตรียมการเพื่อสนับสนุนในด้านต่างๆ เป็นอย่างดีแล้วก็ตาม ก็มักจะมีปัญหาอุปสรรคต่างๆเกิดขึ้นในการจัดการเรียนการสอนเสมอ ซึ่งหากบุคลากรของโรงเรียนทั้งในส่วนของผู้บริหารฝ่ายต่างๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งครูผู้สอนที่ปฏิบัติโดยตรง ไม่ตระหนักและรู้เท่าทันปัญหาแล้วพยายามหาทางป้องกัน แก้ไข อย่างทันการณ์แล้วก็อาจก่อให้เกิดความท้อแท้ เหนื่อยหน่ายและหมดกำลังใจในที่สุด
ในส่วนนี้จึงจะขอนำเสนอปัญหาที่พบเสมอในการนำแนวคิดนี้ไปใช้ พร้อมทั้งแนวทางดำเนินการ เพื่อป้องกันหรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ดังนี้
2.1 ปัญหาที่เกิดจากครูผู้สอน
2.1.1 ครูเคยชินกับวิธีการสอนแบบเดิม ครูส่วนมากจะคุ้นเคยกับวิธีการสอนที่ตนเองเคยเรียนตั้งแต่ตอนเป็นสมัยผู้เรียน ซึ่งมักเป็นการเรียนที่มีครูคอยบรรยายให้เนื้อหาข้อความรู้ วิธีการนี้เป็นสิ่งที่ครูซึมซับรับสู่ตนเองเป็นระยะเวลาที่ยาวนานจนเกิดความฝังใจ ยากที่จะปรับเปลี่ยนหรือแก้ไข
แนวดำเนินการเพื่อป้องกันและแก้ไข
1. จัดให้ครูได้ฝึกและทดลองใช้วิธีการสอนแบบใหม่ที่สนุกสนาน น่าสนใจ แตกต่างจากวิธีการเดิมๆ ที่ครูเคยพบ ให้ครูได้ทดลองปฏิบัติจริง เพื่อให้เห็นความแตกต่าง ให้วิเคราะห์เปรียบเทียบผลที่เกิดจากการเรียนรู้แบบเดิมและแบบใหม่
2. จัดให้ครูมีทีมหรือคู่ในการวางแผนการจัดกิจกรรมโดยใช้วิธีการสอนแบบใหม่ให้ร่วมปรึกษาหารือ ทดลองใช้ และนำผลมาวิเคราะห์ร่วมกัน เพื่อปรับปรุงการปฏิบัติให้ดีขึ้นอยู่เสมอ
3. ให้คำชมเชย ยกย่อง ชื่นชมครูที่สามารถปรับเปลี่ยนการสอนได้ประสบความสำเร็จ
2.1.2 ครูรู้สึกว่าถูกลดบทบาทและหมดอำนาจในห้องเรียน การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางจะเป็นการให้บทบาทหน้าที่ในการดำเนินกิจกรรมแก่ผู้เรียน และสนับสนุนให้เขาค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง ครูเป็นเพียงผู้อำนวยความสะดวก ดูแลให้คำแนะนำอยู่ห่างๆ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ครูหลายคนรู้สึกว่าหมดความสำคัญในห้องเรียน
แนวดำเนินการเพื่อป้องกันและแก้ไข
1. สร้างเจตคติที่ดีต่อการจัดการเรียนการสอนแบบใหม่ โดยการปรับกระบวนทัศน์ให้ครูผู้สอนเห็นความสำคัญของวิธีการนี้และยอมรับอย่างจริงใจ
2. ให้ครูดำเนินการจัดกิจกรรมโดยการจัดผู้คอยดูแล ให้กำลังใจในการปฏิบัติ ชี้ให้เห็นผลที่น่าพึงพอใจที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน
2.1.3 ครูไม่มั่นใจในเทคนิค ทักษะ และวิธีการสอนของตนเองว่าเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางเพียงใด เนื่องจากการจัดการเรียนการสอนแนวนี้เน้นให้ผู้เรียนค้นคว้า แสวงหาความรู้ด้วยการปฏิบัติจริง มีปฏิบัติสัมพันธ์กับกลุ่มด้วยกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ ครูจึงต้องออกแบบกิจกรรมที่ใช้เทคนิควิธีการสอนที่เอื้อต่อการสนับสนุนให้ผู้เรียนกระทำบทบาทดังกล่าว ครูหลายคนคิดว่าเป็นงานที่ยากและต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการจัดการเรียนการสอนที่ลึกซึ้ง ทำให้หมดกำลังใจและบางคนแก้ปัญหาโดยการใช้วิธีการซ้ำๆ เช่นแบ่งกลุ่มผู้เรียนให้ระดมพลังสมองหาข้อสรุปตามประเด็นที่ครูกำหนดในแทบทุกจุดประสงค์ ทุกเนื้อหา ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเข้าใจว่าการสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง คือ การสอนด้วยวิธีการแบ่งกลุ่มผู้เรียนซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะการแบ่งกลุ่มทำงานเป็นเพียงวิธีหนึ่งที่นำมาใช้ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ปฏิบัติงานร่วมกัน แต่เทคนิควิธีการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางมีมากมายหลายวิธีไม่ยุ่งยากและครูสามารถนำมาใช้ได้ผล
แนวทางแก้ไข อาจทำได้โดยให้ครูได้มีโอกาสเรียนรู้และฝึกปฏิบัติการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิควิธีการที่หลากหลายอย่างจริงจัง ได้ฝึกออกแบบกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ ได้ทดลองจริงเพื่อสร้างความมั่นใจในความรู้ความสามารถของตนอย่างเต็มที่
2.1.4 ครูไม่เคยชินกับการทำงานเป็นทีมหรือรับการนิเทศ ในการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิดนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการทำงานร่วมกัน คอยดูแลให้ข้อเสนอแนะ รวมถึงการนิเทศติดตามการปฏิบัติงาน เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง มีการปรับปรุงแก้ไขที่ทันการณ์ ครูส่วนมากไม่เคยชินกับการปรึกษาหารืออย่างจริงจังในการจัดการเรียนการสอน หรือการวิเคราะห์ผลการปฏิบัติ
ปัญหานี้อาจแก้ไข โดยการให้ครูเป็นผู้เลือกทีมหรือกลุ่ม เลือกช่วงเวลาและวิธีการนิเทศให้ครูมีโอกาสทั้งนิเทศผู้อื่นและรับการนิเทศ ฝึกการวิเคราะห์ผลการปฏิบัติงาน การรับฟังความเห็นผู้อื่นและการไว้วางใจกัน
2.1.5 ครูส่วนมากเห็นว่า การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางทำให้ผู้เรียนเรียนได้ช้า ได้เนื้อหาน้อยอาจทำให้เรียนไม่จบหลักสูตรได้ทันเวลา เนื่องจากการเรียนเน้นการให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติเอง สรุปข้อความรู้เองอาจทำให้เสียเวลากับส่วนนี้มากเกินไป
แนวทางการแก้ไขทำได้โดยการให้ความมั่นใจแก่ครูว่าการเรียนการสอนแนวนี้เป็นการเรียนที่เน้นกระบวนการควบคู่ไปกับเนื้อหา การฝึกปฏิบัติของผู้เรียนมิได้ฝึกเพียงวิธีการหรือกระบวนการ แต่เป็นวิธีที่ได้มาซึ่งเนื้อหาความรู้ตามที่กำหนดในจุดประสงค์การเรียนรู้ ครูสามารถสอดแทรกเนื้อหาตามหลักสูตรลงในวิธีการที่กำหนดให้ผู้เรียนปฏิบัติได้ทุกครั้ง การมอบหมายงานให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าด้วยวิธีการต่างๆ บางครั้งอาจเรียนรู้เนื้อหาได้มากกว่าที่ครูบรรยายเองด้วยซ้ำ บทบาทของครูจึงต้องกำหนดภาระงาน(task) ที่ชัดเจนว่าให้ผู้เรียนใช้วิธีการใดให้ได้เนื้อหา(ความรู้) ใดในเวลาเดียวกัน และครูควรตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ชัดเจนของเนื้อหาความรู้ที่ผู้เรียนศึกษาค้นคว้าทุกครั้ง เพื่อเติมเต็มในส่วนที่ขาดและทำให้ครูมั่นใจว่าผู้เรียนได้เรียนรู้ครบถ้วนทั้งเนื้อหาและวิธีการ
2.1.6 ครูส่วนมากมองว่าการสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางเห็นผลช้าไม่ทันใจ เนื่องจากเป็นการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะการทำงาน การคิด การแสดงออก การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ทำให้เห็นผลในเชิงความรู้ ความเข้าใจ หรือเนื้อหาไม่ชัดเจน
แนวทางการดำเนินการในประเด็นนี้ ต้องทำความเข้าใจกับครูผู้สอนว่าความรู้ ความเข้าใจในเนื้อหาเป็นเพียงคุณลักษณะหนึ่งที่เกิดการเรียนรู้และเป็นพฤติกรรมด้านพุทธิพิสัย(Cognitive) เท่านั้นการวัดเพียงความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาเป็นวิธีการวัดผลที่ไม่สอดคล้องกับการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งการประเมินผลตามแนวทางนี้จะต้องประเมินทั้งกระบวนการควบคู่ผลงาน รวมทั้งทักษะความรู้หรือคุณลักษณะที่พึงประสงค์ทุกด้าน ซึ่งครูจะเห็นผลการเรียนรู้ได้ชัดเจนจากการประเมินแนวใหม่ว่าผู้เรียนมีพัฒนาการและคุณลักษณะตามที่กำหนดในจุดประสงค์การเรียนรู้และในหลักสูตร
2.1.7 ครูส่วนมากรู้สึกว่าการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางไม่เหมาะสมที่จะใช้กับกลุ่มผู้เรียนที่มีระดับสติปัญญาหรือผลการเรียนต่ำ เพราะเป็นการเรียนการสอนที่ผู้เรียนต้องลงมือปฏิบัติเอง การให้ผู้เรียนที่ครูรู้สึกว่าเรียนอ่อนปฏิบัติจะทำให้เกิดความล่าช้า ความไม่มั่นใจและเสียเวลา
แนวทางแก้ไข ต้องสร้างความเข้าใจกับครูว่าการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางเป็นการเรียนการสอนที่มุ่งสอนความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียนที่มีความแตกต่างระหว่างบุคคลไม่ว่าจะเป็นด้านสติปัญญาหรือความสามารถด้านใด ครูสามารถจัดการเรียนการสอนกับเด็กทุกกลุ่ม โดยใช้เทคนิควิธีการที่เหมาะกับแต่ละกลุ่ม โดยครูต้องวิเคราะห์ผู้เรียนเพื่อออกแบบกิจกรรมที่ใช้วิธีการเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพผู้เรียน ผู้เรียนที่เรียนอ่อนจะเรียนรู้ได้ตามศักยภาพของเขา ครูอาจต้องเข้าใจ ดูแลแนะนำ ชี้แนะมากกว่ากลุ่มอื่น ครูอาจใช้การช่วยเหลือระหว่างเพื่อให้เป็นประโยชน์โดยการจัดกลุ่มคละความสามารถมีทั้งผู้เรียนที่มีสติปัญญาในระดับเก่ง ปานกลาง และอ่อนให้ทำงานร่วมกัน เรียนรู้และช่วยเหลือกันในลักษณะกลุ่ม และประเมินงานกลุ่ม ยกย่อง ชื่นชมผลงานกลุ่มเพื่อให้ผู้เรียนทุกคนในกลุ่มรู้สึกภูมิใจและมั่นใจในตัวเอง
2.2 ปัญหาที่เกิดจากโรงเรียน
2.2.1 การเตรียมการด้านต่างๆ ของโรงเรียนไม่จริงจังต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมสิ่งสนับสนุนด้านต่างๆ การพัฒนาบุคลากรหรือการจัดบรรยากาศการเรียนรู้ มักเป็นไปอย่างแข็งขัน กระตือรือร้นในระยะแรกๆ แล้วค่อยๆ ลดลง และหายไปในมี่สุด โดยเฉพาะการพัฒนาครูมักจะทำกันครั้งสองครั้งตอนต้นปีแล้วหมดไปไม่มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องจริงจัง
แนวดำเนินการเพื่อป้องกันและแก้ไข
1. จัดทำแผนงานโครงการด้านต่างๆ ที่ชัดเจน มีกำหนดระยะเวลา มีวิธีกำกับ ติดการดำเนินงาน ระบุผู้รับผิดชอบแต่ละส่วนอย่างชัดเจน จะทำให้บุคลากรทุกฝ่ายตื่นตัวกระตือรือร้นที่จะปฏิบัติให้เป็นไปตามแผนงานโครงการ
2. ผู้บริหารต้องตรวจสอบและกำกับการดำเนินการตามแผนงานโครงการอย่างจริงจังเป็นระยะ
3. ประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินการเป็นระยะ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
2.2.2 บุคลากรบางฝ่ายในโรงเรียนไม่เข้าใจแนวทางวิธีการจัดการเรียนการสอน อาจจะก่อให้เกิดปัญหาในการสนับสนุนการดำเนินการจัดการเรียนการสอนเช่น
1.บางคนมองว่า การที่ผู้เรียนทำกิจกรรมมีการแบ่งกลุ่มทำงาน อภิปรายส่งเสียงดัง และวิพากษ์วิจารณ์กัน เดินไปมาเพื่อปฏิบัติงานดูเหมือนเป็นการขาดระเบียบวินัยในชั้นเรียนและรบกวนห้องเรียนอื่นๆ
2. กิจกรรมที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางจะฝึกผู้เรียนให้กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออกและกล้าวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา จนอาจจะทำให้ดูเหมือนเป็นคนก้าวร้าวไม่เคารพผู้ใหญ่
ปัญหานี้ แก้ไขได้โดยการสร้างความเข้าใจถึงแนวทางการจัดการเรียนการสอน วิธีนี้แก้บุคลากรทุกฝ่ายอย่างจริงจัง เพราะวิธีการต่างๆ ดังกล่าวนั้นคือ หนทางหนึ่งในการสร้างคุณลักษณะกล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออกของผู้เรียน
2.2.3 จำนวนผู้เรียนในแต่ละห้องเรียนมีมากเกินไป ในการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางในต่างประเทศ ผู้เรียนแต่ละห้องจะมีไม่เกิน 25 คน ทำให้ง่ายต่อการจัดกิจกรรมและการฝึกปฏิบัติอย่างทั่วถึง การที่ผู้เรียนแต่ละห้องเรียนมีมากถึง 50 คน น่าจะเป็นอุปสรรคต่อการจัดการเรียนการสอนให้เกิดประสิทธิผล
แนวทางการแก้ไข อาจทำได้โดยครูใช้เทคนิคการจัดการชั้นเรียนขนาดใหญ่เข้าช่วย อาจใช้กระบวนการกลุ่มการจับคู่(Pairwork) การเรียนโดยใช้เทคโนโลยี เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอน ศูนย์การเรียน(Learning Center) หรือศูนย์การเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-Access Center) เข้าช่วยและให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการประเมินการปฏิบัติของตนเองและเพื่อน ซึ่งจะเป็นการลดภาระครูลงได้
2.2.4 ระบบการวัดประเมินผลยังไม่เอื้อต่อการเรียนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง เพราะการจัดประเมินในปัจจุบันยังเน้นการวัดความรู้ ความเข้าใจในเนื้อหาที่เรียน โดยเฉพาะระบบการสอบเรียนต่อ เช่น การสอบเข้ามหาวิทยาลัยยังใช้แบบวัดความรู้ ความจำ มากกว่าจะวัดผลงาน ทักษะกาปฏิบัติ และคุณลักษณะต่างๆ ของผู้เรียนทำให้ครูผู้สอนและนักเรียนจำนวนมากไม่เห็นความสำคัญของการเรียนการสอนแนวทางนี้
แนวทางแก้ไข ในระดับห้องเรียนอาจจะใช้การชี้แจงให้ครูเข้าใจแนวการวัดประเมินผลแบบใหม่ที่เน้นการประเมินจากสภาพจริง การประเมินภาคปฏิบัติและการประเมินจากแฟ้มสะสมผลงานอันเป็นการประเมินที่จะสะท้อนความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียน ส่วนในระดับชาติควรได้มีการผลักดันระบบการสอบเรียนต่อโดยเฉพาะการสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้สอดคล้องสนับสนุนการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
2.3 ปัญหาที่เกิดจากผู้เรียน
2.3.1 ผู้เรียนส่วนมากขาดทักษะพื้นฐานในการแสวงหาความรู้ การปฏิบัติ การอภิปราย วิพากษ์วิจารณ์อย่างมีเหตุผล และการทำงานเป็นกลุ่ม ซึ่งทักษะเหล่านี้จัดเป็นคุณลักษณะที่สำคัญและจำเป็นของผู้เรียนในการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ครูจึงจำเป็นต้องใช้เวลาช่วงแรกๆ ฝึกทักษะพื้นฐานเหล่านี้แก่ผู้เรียนก่อน ทำให้ดูเหมือนเสียเวลา และผู้เรียนไม่ได้เรียนความรู้หรือเนื้อหาที่ควร
การแก้ไขทำได้โดยให้ครูฝึกกระบวนการควบคู่กับการเรียนเนื้อหา หรือให้คณะครูร่วมกันฝึกผู้เรียนในหลายๆ วิชาพร้อมๆ กัน เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความคุ้นเคยกับทักษะพื้นฐานเหล่านี้สามารถนำไปใช้ในการเรียนได้อย่างรวดเร็ว ลดเวลาครูผู้สอนที่จะฝึกสิ่งเหล่านี้ลงไป
2.3.2 ผู้เรียนส่วนมากเคยชินกับการเป็นผู้รับความรู้มากกว่าผู้ปฏิบัติเพื่อค้นหาความรู้เอง การจัดการเรียนการสอนแบบนี้ในระยะแรกๆ อาจมีผู้เรียนไม่เข้าใจเกิดความเบื่อหน่ายไม่ร่วมมือ เพราะดูเสมือนว่าครูไม่ยอมสอนอะไร และผู้เรียนไม่ได้เรียนรู้เนื้อหาวิชาจากครูมากที่ควร
ในการแก้ไขครูต้องชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้เรียน อธิบายถึงกระบวนการและวิธีการ รวมทั้งผลที่จะเกิดขึ้นจากการเรียนแบบนี้ ครูอาจให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมตั้งแต่วางแผนจัดกิจกรรม กำหนดบทบาทตนเอง เลือกสื่อที่เห็นว่าน่าสนใจ และให้เขามีส่วนร่วมในการประเมินกระบวนการและผลงานของตนเองและเพื่อนเพื่อให้เกิดความเข้าใจ ตระหนักในความสำคัญของแนวทางนี้ รวมทั้งให้ผู้เรียนประเมินวิธีการที่ใช้ในการจัดกิจกรรมเพื่อครูจะได้นำไปเป็นข้อมูลปรับปรุงแก้ไขการจัดกิจกรรมให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นต่อไป
ปัญหาอุปสรรคที่นำเสนอมาทั้งหมดจะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่เกิดจากการมีเจตคติที่ไม่ดี ความไม่เข้าใจ ไม่มั่นใจและไม่ยอมรับในแนวคิดการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางว่าจะสามารถนำมาปฏิบัติอย่างได้ผลจริงจังในชั้นเรียน ดังนั้นยุทธศาสตร์หลักที่สำคัญที่สุดของการนำแนวคิดนี้ไปสู่การปฏิบัติ จึงน่าจะเป็นการสร้างความเข้าใจ ความเชื่อมั่นและยอมรับในแนวคิดของบุคลากรทุกฝ่ายในโรงเรียนเริ่มจากผู้บริหารที่ต้องเชื่อมั่น และมั่นคงในหลักการที่จะนำเรื่องนี้เข้าสู่การปฏิบัติในโรงเรียนให้ได้ และสนับสนุนทุกวิถีทางที่จะทำให้เกิดขึ้น ครูผู้สอนจะต้องเข้าใจ เชื่อมั่น และอดทนที่จะดำเนินการให้บังเกิดผลด้วยความหวังอย่างเต็มเปี่ยมที่จะพัฒนาผู้เรียนอันเป็นอนาคตของสังคม บุคลากรฝ่ายอื่นๆ รวมทั้งผู้เรียน ผู้ปกครอง และชุมชนต้องเข้าใจ ยอมรับและพร้อมจะปฏิบัติ สนับสนุน ช่วยเหลือให้แนวคิดนี้เป็นจริง หากทุกฝ่ายพร้อมและยอมรับที่จะปฏิบัติ "การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง" จึงจะเกิดขึ้นอย่างแท้จริงในห้องเรียนและโรงเรียน
สรุป
แนวคิดการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางจะประสบความสำเร็จได้นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ การนำแนวคิดนี้สู่การปฏิบัติในห้องเรียน และในโรงเรียนจึงต้องกระทำอย่างเป็นขั้นตอน เป็นระบบชัดเจน รอบคอบ และเชื่อมั่น เพื่อให้เกิดผลในการปฏิบัติอย่างจริงจัง การยอมรับในแนวคิดและมีเจตคติมี่ดีต่อแนวทางนี้ของบุคลากรทุกคนในโรงเรียน คือ ปัจจัยสำคัญที่จะเป็นพื้นฐานหลัก สนับสนุนให้การจัดการเรียนการสอนประสบผลสำเร็จ ความชัดเจนในหลักการ วิธีการ เทคนิคและทักษะต่างๆ ในการจัดการทั้งในและนอกชั้นเรียน คือ ข้อมูลสำคัญที่ทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งครูผู้สอนต้องเรียนรู้ ฝึกฝน และปฏิบัติจนเชี่ยวชาญเพื่อให้ "การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง" คือ ทางเลือกใหม่ของการจัดการศึกษา ซึ่งจะนำพาสังคมสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป
ที่มา
วัฒนาพร ระงับทุกข์. การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง.จัดพิมพ์และจำหน่ายโดย บริษัท ต้นอ้อ ๑๙๙๙ จำกัด. พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2541.